
นางเด่น คันทักษ์ วัย 59 ปี แม่ค้าขายปลาในตลาดเทศบาลเมืองนครพนม กล่าวว่า ช่วงปลายฝนต้นหนาวและใกล้เทศกาลออกพรรษา จะมีชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ จ.นครพนม บึงกาฬ และจ.มุกดาหาร ลากอวนหาปลาในแม่น้ำโขง ได้ปลาหลายชนิดน้อยใหญ่ก็จะนำมาขายให้ตน ที่ผ่านมามีเฉพาะชาวประมงริมตลิ่งแม่น้ำโขงของ จ.นครพนม นำมาขายให้เพื่อให้ตนชำแหละ ก่อนมีออร์เดอร์สั่งจองไว้ล่วงหน้า เพื่อส่งตามภัตตาคาร โรงแรม และร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง
แม่ค้าปลาวัย 59 ปี กล่าวต่อว่า หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าตนรับซื้อปลาขนาดใหญ่หลายชนิดที่นิยมนำไปทำเมนูเด็ด หายากและมีราคาแพง มีชาวประมงจากจ.บึงกาฬ นำปลาบึกที่ล่าได้จากแม่น้ำโขง มาขายให้น้ำหนัก 110 กิโลกรัม จากจ.มุกดาหาร จำนวน 1 ตัว น้ำหนัก 90 กิโลกรัม และจาก จ.นครพนม อีก 1 ตัวน้ำหนัก 60 กิโลกรัม โดยเฉพาะปลาบึก 3 ตัวที่รับซื้อไว้วันนี้รวมน้ำหนัก 260 กิโลกรัม ซื้อในราคากิโลกรัมละ 250 บาท เป็นเงิน 65,000 บาท หากชำแหละแล้วจะขายต่อในราคากิโลกรัมละ 300 บาท
“สาเหตุที่ชาวประมงนำปลาบึกมาขายให้ เพราะแม่ค้าพ่อค้าใน จ.มุกดาหาร และ จ.บึงกาฬ ไม่กล้ารับซื้อเป็นตัวเพราะใช้ทุนสูง ชาวประมงพื้นบ้านจึงเบนเข็มมาขายให้ที่ร้าน เพื่อชำแหละส่งขายในร้านอาหารหลายแห่ง โดยแต่ละแห่งสั่งครั้งละ 50-100 กิโลกรัม ปรากฏว่าภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง หลังข่าวแพร่สะพัดออกไปปลาบึก 3 ตัวใหญ่หมดในเวลาอันรวดเร็ว หลังรับโทรศัพท์จากร้านอาหารชื่อดังแทบไม่ทัน เพราะเป็นปลาที่หายากและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เชื่อว่าผู้ที่ได้รับประทานแล้วจะมีอายุยืนยาว ร้านอาหารนิยมนำไปผัดเผ็ด ผัดฉ่า ต้มยำ รสชาติเนื้อปลาอร่อยมากที่สุดในบรรดาปลาตระกูลหนัง โดยเฉพาะปลาธรรมชาติที่ล่าได้จากแม่น้ำโขง” นางเด่น กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างที่นางเด่นแม่ค้าปลา ชำแหละปลาบึกยักษ์ 3 ตัว เพื่อส่งให้ร้านอาหารอีกทอด ปรากฏว่าผู้ที่ขับรถผ่านไปทางออกตลาดสดพบเห็น มาขออุ้มปลาบึกปลาน้ำจืดขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งน้ำหนัก 110 กิโลกรัม รวม 4 คน เพื่อขอถ่ายภาพลงในสื่อโลกออนไลน์แทบอุ้มไม่ขึ้น
ที่มา>>>ข่าวสด